"คนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่ประสบความล้มเหลว มักจะทำทุกอย่างเหมือนกัน แต่ทำด้วยทัศนะและวิธีคิดที่แตกต่างกัน" - Napoleon Hills
ระบบความคิดทำให้คนซึ่งมีพื้นเพความรู้การศึกษาเหมือนๆกัน มีชีวิตที่แตกต่างกัน ระบบวิธีคิดและการมองโลกของคนเราจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จต่างๆ ผู้คนจำนวนมากพยายามตามหาสูตรสำเร็จ เพื่อที่จะได้เข้าใจว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เขาดำเนินชีวิตอย่างไร คิดอย่างไร โดยหวังว่าเมื่อเราได้เรียนรู้เงื่อนไขแห่งความสำเร็จของผู้อื่น เราเองก็จะสามารถนำวิธีการเหล่านั้นมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการดำเนินชีวิต ให้ประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องครอบครัว การงาน และการเงิน
เราทุกคนต่างรู้กันดีว่า จะประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยการล้มเหลว การลองผิดลองถูก และต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย และการเลือกเส้นทางชีวิตนั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางที่กำลังเดินนั้นจะนำเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการรึเปล่า
ดังนั้น การรู้กฎเกณฑ์การใช้ชีวิตก็เหมือนกับแสงสว่าง นำพาให้เราไปสู่จุดหมายได้โดยไม่หลงทาง และกฎทั้ง 9 ข้อของ Napoleon Hills ก็เปรียบได้กับแผนที่ชีวิตเพื่อให้เราเลือกลงมือทำในสิ่งที่สำคัญตรงตามเป้าหมายในชีวิตของเรา
กฎข้อ 1 เราคือผู้เลือกที่จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ หรือผู้ที่ล้มเหลว
ถ้าเราสังเกตดูดีๆจะพบกับความจริงที่ว่า "ในชีวิตเรามีเส้นทางให้เราเลือกเดินเพียง 2 ทางเท่านั้น คือ เส้นทางที่นำไปสู่ความสำเร็จ กับเส้นทางที่นำเราไปสู่ความล้มเหลว"
เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ และไม่มีคำว่า " บังเอิญ " สำหรับความสำเร็จ แต่ต้องการอาศัยความพากเพียรอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะยอมแพ้เสียก่อน ดังนั้น ถ้าเมื่อเลือกเส้นทางที่นำเราไปสู่ความสำเร็จ วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ศึกษาว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จเขามีเส้นทางในการดำเนินชีวิตอย่างไร
กฎข้อ 2 เราคือผู้สร้างประสบการณ์ให้ตัวเราเอง
เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน เราก็ยังคงเป็นผู้เลือกที่จะสุขหรือทุกข์ต่อเหตุการณ์นั้นๆ ถ้าเราอยากมีความสุข เราจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์ภายนอกควบคุมพฤติกรรม ความคิด ความรู้สึกของเรา
เราทุกคนมีเสรีภาพในการเลือก บนโลกใบนี้มีทางเลือกมากมาย แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่กล้าที่จะเลือกเส้นทางใหม่ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตนเอง ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถเลือกได้ตลอด ในหนึ่งวันเราก็เลือกได้ว่าจะไปไหน ทำอะไร ให้ความสนใจอะไร สมมติถ้าเราอยู่กับคน 100 คนเราก็เลือกได้ว่าจะเลือกไว้วางใจใคร ฟังใคร ไม่สนใจใคร จะเห็นด้วย หรือจะคัดค้านในใจ เป็นต้น
กฎข้อ 3 ปฏิกิริยาต่างตอบแทน
เราจะเลือกประสบการณ์ของเราได้จริงๆอย่างนั้นเหรอ ? คำตอบอยู่ในกฎข้อนี้ คือขึ้นอยู่กับหลักต่างปฏิบัติต่างตอบแทนเท่าเทียมกัน เช่น มีคนพูดจาไม่ดีกับเรา แล้วเราพูดกับเขาอย่างไร เราเลือกที่จะโต้ตอบในแบบเดียวกับเขา หรือ เลือกที่จะพูดอ่อนหวานกลับไป แน่นอนประสบการณ์ที่เราเลือก ก็คือผลจากการกระทำของเรานั่นเอง ดังนั้น ตัวเราเองที่เป็นคนเชื้อเชิญปฏิกิริยาภายนอก เช่น เราไม่ยิ้มให้ เขาก็ไม่ยิ้มให้เรา และแต่ละคนก็จะมีวิธีการปฏิบัติกับผู้อื่นที่แตกต่างกันไป
• คนที่คิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด มักจะเป็นคนไม่มีน้ำใจ ซึ่งทำให้เพื่อนๆ ไม่ค่อยชอบ และเมื่อไหร่ที่คนประเภทนี้พบกับความทุกข์ก็จะไม่มีใครเข้ามาให้กำลัง เพราะท่านไม่เคยใส่ใจ หรือใยดีใคร
• คนที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับการไว้วางใจจากคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่า คนเหล่านี้ทำตัวเป็นคนอ่อนแออยู่ตลอดเวลา บ่นถึงปัญหาส่วนตัว ร้องไห้เสียใจ เมื่อคนอื่นเห็นก็เกิดความไม่ไว้วางใจ จึงไม่มอบหมายงานให้เรา เพราะพฤติกรรมของเราเองคือตัวกำหนด
• คนที่คิดว่าตัวเองไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ คนเหล่านี้มักมีลักษณะ เป็นพวกหนีปัญหาไปวันๆ ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไม่คิดแก้ปัญหาของตัวเองอย่างจริงจัง ซึ่งตามปกติคนเราจะช่วยเหลือคนที่ช่วยเหลือตัวเองอย่างที่สุดก่อน ดังนั้น ถ้าเรายังไม่สามารถดึงศักยภาพในตัวมาใช้แก้ปัญหาแบบสุดๆ ก็อย่าหวังได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น และยังใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย หรือหนีปัญหาไปวัน ๆ
กฎข้อ 4 จะแก้ไขปัญหาได้ต่อเมื่อเรายอมรับความจริงได้
จะแก้ปัญหาได้ต้องยอมรับความจริงเสียก่อน คนส่วนใหญ่มักไม่กล้ามองปัญหา ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองคือสาเหตุของปัญหา นอกจากปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ก็เหมือนยิ่งไปสร้างปมปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นอีก เช่น เป็นผู้บริหารแต่ไม่ยอมรับว่า ตัวเองบริหารงานไม่เก่ง ก็ย่อมทำให้บริษัทขาดทุน แต่ถ้ายอมรับได้ ก็จะเกิดทางแก้ไข อาจไปจ้างมืออาชีพมาทำแทน เป็นต้น ดังนั้น การกล้าที่จะยอมรับความจริง คือ การเริ่มต้นแก้ปัญหา
กฎข้อ 5 ชีวิตนี้ให้รางวัลกับการกระทำเสมอ
แค่มีความคิด มีไอเดียนั้นไม่เพียงพอ เพราะต้องบวกการกระทำไปด้วยจึงเห็นผล มีคนจำนวนมากที่รู้สึกว่าตัวเอง เป็นนักคิดที่ชาญฉลาดแต่ทำไมชีวิตยังอยู่ห่างจากเป้าหมายเหลือเกิน นั่นเพราะ ความคิดเหล่านั้นไม่เคยได้ลงมือทำ
โลกใบนี้ไม่สนใจคนที่มีความคิดดี แต่จะสนใจการกระทำที่ดีมากกว่า ดังนั้น ถ้ามีความคิดดีๆเมื่อไหร่การลงมือทำเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราได้ในสิ่งที่คุณต้องการ
กฎข้อ 6 ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา
เราเป็นคนเลือกที่จะให้ความหมายกับชีวิตของเราเอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็น หรือคิด เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้น และความทุกข์จริง ๆ ก็ไม่มี มีแต่ความคิดของเราที่ตีความเหตุการณ์ต่างๆ
วิธีการสร้างมุมมองแบบ Positive ง่าย ๆ ดังนี้
• เขียนบันทึกสิ่งดีงามที่เกิดขึ้นกับคุณในแต่ละวัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆก็ตาม เช่น ตื่นมารู้สึกดีที่วันนี้ ฝนไม่ตก เป็นต้น
• ค้นหาความหมายใหม่ๆ ห้กับชีวิตอยู่เสมอ จะช่วยทำให้เรามีพลังชีวิตมากขึ้น
กฎข้อ 7 ชีวิตต้องบริหารจัดการ
คนส่วนใหญ่มักตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยมองข้ามความจริงที่ว่า ชีวิตต้องการการจัดการ ควรมีการวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อป้องกันปัญหาไว้ล่วงหน้า ในการวางแผนเราต้องพูดคุยกับผู้จัดการชีวิตของเรา ซึ่งก็คือ ตัวเราเอง โดยการตั้งคำถามกับตัวเอง ดังนี้
• เราได้เคยค้นหาและดึงเอาศักยภาพสูงสุดของเราออกมาใช้เพื่อก่อประโยชน์หรือยัง ?
• เราเคยหาทางสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิตหรือไม่ ?
• เราเป็นคนที่อดทนต่อปัญหาอย่างเดียว หรือแก้ปัญหาได้ด้วย ?
ซึ่งเป็นธรรมดาที่คนที่กล้าแก้ปัญหาต้องกล้าที่จะตัดสินใจและรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่สบาย ๆ ซึ่งก็หมายความว่า คุณเลือกที่จะเป็นผู้แพ้ แต่ถ้าคุณพอใจกับสถานะดังกล่าวก็ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงคุณได้
กฎข้อ 8 พลังอำนาจของการให้อภัย
ในบรรดาอารมณ์ทั้งหมดของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกเบื่อ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือความโกรธ คืออารมณ์ที่ทรงพลังและทำให้มนุษย์เป็นทุกข์มากที่สุด ซึ่งเปรียบเสมือนการจุดไฟเผาผลาญตัวเอง จะรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผหมดพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ ในที่สุดจะพบว่าเราได้เผาผลาญโอกาสแห่งความสำเร็จของเราจนหมดไปแล้ว ดังนั้น จงมอบความรักให้กับผู้อื่นบ้าง และการให้อภัยคือหลักการสำคัญสำหรับความเป็นผู้นำ
กฎข้อ 9 รู้จักตนเอง
คนที่จะประสบความสำเร็จได้ขั้นแรกต้องรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี จึงจะรู้ว่า ตัวเองต้องการอะไรจากชีวิต ในการสร้างอนาคตให้ตัวเองจำเป็นต้องสร้างเป็นภาพ ต้องเห็นภาพตัวเองในอนาคตให้ได้ จึงจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร การหา core value มีอยู่ 2 ประเภท คือ ตามกระแส หรือทวนกระแส ดังนั้น หัวใจสำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จ คือ "การรู้จักตัวเอง"